This post is also available in: enEnglish ja日本語 thไทย

วิธีค้นหาและจำแนกผู้บริการรับจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ

ในประเทศไทย มีผู้รับบริการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่ละบริษัทจะมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน จึงขออธิบาย 4 วิธีในการจำแนกผู้บริการรับจัดส่งสินค้าที่ดีเพื่อเลือกโลจิสติกส์ของคุณ

1. งานที่สำคัญที่สุดในฐานะผู้ให้บริการรับจัดส่งสินค้า

อะไรคือสิ่งที่ดีในการเลือกบริการรับจัดส่งสินค้า อาจจะเป็นราคา การบริการ ภาพลักษณ์ของบริษัท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่า จะตัดสินจากจุดใดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงานบริการรับจัดส่งสินค้า

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ผู้ขนส่งและลูกค้ายอมรับว่าดีในเลือกบริการรับจัดส่งสินค้า นั่นคือจองพื้นที่

ถ้าไม่มีพื้นที่ ก็จะไม่มีการจัดส่งสินค้า

“พื้นที่ว่าง” หมายถึง พื้นที่บรรทุกสินค้าบนเรือและเครื่องบิน ในทุกวันและทุกสัปดาห์จะมีสินค้าจำนวนมากจัดส่งไปทั่วโลก

ตัวอย่างเช่น เรือหนึ่งลำ สามารถบรรทุกสินค้าได้ 20,000 TEU (ประมาณ ตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุต จำนวน10,000 ตู้) ซึ่งจะต้องบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เต็มพื้นที่ ใช้ในการขนส่งทางเครื่องบินเช่นกัน แต่ทั้งนี้ จะมีขีดจำกัดของพื้นที่บนเรือและเครื่องบินในการขนส่งสินค้า

ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องส่งสินค้าตามเวลาที่กำหนดโดยใช้พื้นที่ที่จำกัดนี้ และถ้าหากลูกค้าไม่สามารถหาพื้นที่ได้ ลูกค้าจะต้องหาพื้นที่อื่นๆ ของเรือหรือเครื่องบินภายในสัปดาห์เดียวกันหรือสัปดาห์ถัดไป ซึ่งนั่นหมายความว่า การขนส่งสินค้าจะทำได้ยากตามตารางที่กำหนด

ปัญหาของตารางเวลา

ด้านอุตสาหกรรมการผลิตและด้านการค้าทุกคนทำงานตามเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น สายการผลิตในโรงงานจะหยุดทำงาน หากวัตถุดิบในการผลิตหมด

ในกรณีนี้ หากคนงานต้องหยุดทำงาน ทำให้ทางบริษัทจะไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ตามกำหนด

ในธุรกิจของงานขายส่ง บริษัทจะสูญเสียโอกาสในการขายสินค้า หากสินค้าไม่ได้จัดส่งตามเวลาที่กำหนด ถ้าสินค้านั้นเป็นสินค้าที่ขายในช่วงเทศกาล เช่น คริสต์มาสและฮาโลวีน ระยะเวลาการขายจะสั้นลง ซึ่งจะทำให้เกิดการเสียโอกาสในการขาย

หากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว จะกลายเป็นเรื่องของค่าตอบแทน

ทำไมถึงไม่สามารถหาพื้นที่ได้

ดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น พื้นที่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้รับบริการขนส่งสินค้า ถ้าหากทางผู้รับบริการขนส่งสินค้าไม่สามารถหาพื้นที่ได้ นั่นเป็นเพราะปริมาณการขนส่งสินค้าที่น้อย

ผู้รับบริการขนส่งสินค้าจะทำหน้าที่ในการจองพื้นที่ในการขนส่งสินค้ากับทางCarriers (การขนส่งทางเรือและอากาศ) ซึ่งจะเป็นผู้จัดหาพื้นที่บนเรือและพื้นที่บนเครื่องบินให้กับเรา

ทางผู้รับบริการขนส่งสินค้าที่ส่งสินค้ากับทาง Shipping Line เป็นประจำจะสามารถหาพื้นที่การจัดส่งสินค้าได้ง่ายเพราะมีปริมาณสินค้าจำนวนมาก อีกทั้งยังเพิ่มความสัมพันธ์อันดีงามด้วยเช่นกัน

แต่ทางผู้รับบริการขนส่งสินค้าจะไม่สามารถหาพื้นที่สองถึงสามวันได้ก่อนวันคืนตู้

2.การแข่งขันระหว่างการขนส่งสินค้าทางเรือและอากาศ

โลจิสติกส์ เป็นต้นทุนสำหรับลูกค้า ตราบเท่าที่สินค้าจัดส่งได้อย่างปลอดภัยและตามกำหนดเวลา หากสินค้ามีขนาดเล็กแต่มีมูลค่ามาก จะไม่ส่งผลต่อต้นทุนในการขนส่งสินค้า

แต่ถ้าสินค้ามีขนาดใหญ่และเบา เช่น โฟมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นผง ซึ่งมีมูลค่าไม่สูง จะส่งผลต่อต้นทุนโลจิสติกส์และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งลูกค้าจะต้องลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรให้มากขึ้น

ต้นทุนที่แตกต่างจากผู้ให้บริการ (Carriers)

ในแต่ละผู้รับบริการขนส่งสินค้าจะไม่ได้รับอัตราแลกเปลี่ยนเดียวกันจากผู้ให้บริการ บางบริษัทอาจจะส่งออกเพียงแค่ 10 containers ต่อเดือน หรือบางบริษัทส่งออกมากกว่า 2,000 ตู้ต่อเดือน

การที่จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกนั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณการส่งออกสินค้าว่ามากหรือน้อย

อัตราการขายที่แตกต่างจากแต่ละผู้ให้บริการรับส่งสินค้า

ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทและตัวแทนขายในการคิดค่าบริการว่าจะเพิ่มผลกำไรมากจากต้นทุนหรือไม่

3. ผลการปฏิบัติงานของตัวแทนขาย

ความรู้และประสบการณ์

มีหลายกรณีที่คุณภาพของการบริการเปลี่ยนไป เมื่อตัวแทนขาย PIC (Person in Charge) มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวแทนขายจะมีผลอย่างมาต่อคุณภาพการให้บริการ

ในแง่ของการขนส่งระหว่างประเทศ จะต้องดำเนินงานหลายขั้นตอนจนกว่าสินค้าจะถูกส่งไปยังปลายทาง ซึ่งจะมีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่แตกต่างกัน เช่น สภาพอากาศ ภาษีศุลกากร คนและอื่น ๆ

เมื่อปัญหาเกิดขึ้น ตัวแทนขาย (PIC) จะต้องรีบแก้ปัญหาการทันที ซึ่งตัวแทนขายที่ดีนั้น จะมีทางเลือกมากมายในการแก้ปัญหาและเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับในแต่ละกรณี

ข้อมูลเพิ่มเติม

โลจิสติกส์ ไม่ใช่เพียงแค่การขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการจัดส่งสินค้า คลังสินค้า (สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย สินค้าทัณฑ์บน สินค้าควบคุมอุณหภูมิ), รถบรรทุก, รถพ่วง, การลำเลียงสินค้าเข้า/ออก การบรรจุสินค้า สินค้าที่มีขนาดใหญ่ การยื่นคำร้องขอต่อรัฐบาลและอื่น ๆ

ตัวแทนการขนส่งสินค้าต้องมีข้อมูลที่เพียงพอที่จะนำเสนอการขนส่งที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย

4. คุณภาพการบริการลูกค้า

มีขั้นตอนมากมายในการจัดการสินค้า ด้านล่างคือตัวอย่างของการส่งออกสินค้าส่งออกต่างประเทศ

– ทำการจองกับผู้รับบริการ
– ตรวจสอบพื้นที่กับ Carrier
– รับการยืนยันการจองจาก Carrier
– ตรวจสอบคำ ใบจองเรือ
– ตรวจสอบร่าง BL (Bill of Loading)
– ตรวจสอบ Invoice (ใบแจ้งราคาค่าสินค้าเพื่อให้คุณตรวจสอบรายละเอียดการซื้อขายทั้งหมด) และตรวจสอบรายการบรรจุภัณฑ์
– ยื่นเรื่องสำหรับการเคลียร์สินค้าออก
– ตรวจสอบ VGM (เอกสารรับรองน้ำหนักสินค้าและบรรจุภัณฑ์)
– ตรวจสอบวันลำเลียงสินค้า
– จัดเตรียมรถพ่วง
– จัดเตรียมตู้คอนเทนเนอร์
– ตรวจสอบคุณภาพของตู้คอนเทนเนอร์
– ตรวจสอบหมายเลขของตู้คอนเทนเนอร์
– โหลดตู้คอนเทนเนอร์แล้วส่งไปยังเทอร์มินัล

นี่เป็นเพียงงานจัดส่งเพียงส่วนเดียวที่ตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (CS) จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อดูแลการจัดส่งสินค้า ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (CS) มีหน้าที่ติดต่อลูกค้าเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวข้างต้น

หากประสบการณ์หรือทักษะการสื่อสารของฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ไม่เพียงพอ ลูกค้าอาจจะไม่พอใจที่จะทำงานร่วมกับเรา หากผู้ให้บริการขนส่งสินค้าสามารถหาพื้นที่และราคาแลกเปลี่ยนที่ดีได้ แต่ประสิทธิภาพของฝ่ายดูแลลูกค้าไม่ดี ลูกค้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจได้

สรุป

ตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ จัดหาการบริการแก่ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่มีคุณภาพสูง “คน” เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด บริษัทของเรา HPS ตระหนักถึงจุดนี้และให้ความสำคัญมากที่สุดอีกทั้งยังดำเนินการฝึกอบรมเป็นประจำ