HPS Trade, a distribution agent
that accelerates business locally in Asia

MENUCLOSE

column

ภาษีนำเข้ารถยนต์เขย่าท่าเรือสหรัฐฯ: แรงสั่นสะเทือนในโลจิสติกส์

ภาษีนำเข้ารถยนต์เขย่าท่าเรือสหรัฐฯ: แรงสั่นสะเทือนในโลจิสติกส์ | イーノさんのロジラジ

วันนี้เราจะพาคุณไปติดตามข่าวจากท่าเรือในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้กำลังเกิด ความตึงเครียดเล็กน้อย ขึ้นในภาคโลจิสติกส์
สาเหตุหลักก็คือ “ภาษีนำเข้ารถยนต์”

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะเริ่มเก็บ ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนบางประเภทในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 เป็นต้นไป

แล้วเกิดอะไรขึ้นตามมา?
แวดวงโลจิสติกส์จึงเกิดการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ


▶ รถยนต์ = สินค้าหลักของท่าเรือ?

ตัวอย่างเช่น ท่าเรือซีแอตเทิล-ทาโคมา ในรัฐวอชิงตัน การนำเข้ารถยนต์ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของท่าเรือ แถมยังมีการลงทุนขยายเทอร์มินัล ro/ro (Roll-on/Roll-off) มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ อยู่ในขณะนี้

ro/ro คืออะไร? คือ “สินค้าที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตนเองได้” เช่น รถยนต์หรือเครื่องจักรก่อสร้าง ซึ่งสามารถขับขึ้นและลงจากเรือได้เอง

เช่นเดียวกับ ท่าเรือบัลติมอร์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศในด้านปริมาณการจัดการรถยนต์ ในปี 2024 ท่าเรือแห่งนี้จัดการรถยนต์ไปมากกว่า 750,000 คัน โดย 85% เป็นรถนำเข้า

เรียกได้ว่า “รถยนต์เป็นหัวใจของท่าเรือ” เลยก็ว่าได้


▶ ภาษีสร้างแรงผลักดันให้เร่งขนส่ง

เมื่อมีการประกาศภาษีนำเข้า แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?

ปรากฏว่ามี เรือ ro/ro จากยุโรปที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มี เรือ ro/ro จำนวน 33 ลำเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน ถึง 5 ลำ หรือเทียบเท่ากับ รถยนต์ราว 30,000 คัน ที่พยายามเร่งเข้าท่าก่อนภาษีจะมีผล

กล่าวคือ บริษัทต่าง ๆ กำลังเร่งขนส่งก่อนที่ภาษีจะเริ่มมีผลบังคับใช้

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็วของซัพพลายเชนในโลกความเป็นจริง


▶ กลยุทธ์ระยะยาว & การบริหารความเสี่ยงของท่าเรือ

แต่ไม่ใช่ทุกท่าเรือที่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ระยะสั้น

ตัวอย่างเช่น ท่าเรือลองบีชในแคลิฟอร์เนีย แม้จะจับตาผลกระทบจากภาษี แต่ก็ยังเดินหน้าลงทุน โครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟและเทอร์มินัล

แสดงให้เห็นถึงแนวคิด “ให้ความสำคัญกับความสามารถในการแข่งขันระยะยาวมากกว่าความไม่แน่นอนระยะสั้น”

ท่าเรือก็เหมือนกับธุรกิจ ที่ต้อง ตัดสินใจโดยคำนึงถึงความไม่แน่นอน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต


▶ ถ้าคุณเป็นผู้บริหารท่าเรือ คุณจะทำอย่างไร?

การตัดสินใจทางการเมืองอย่างภาษีนี้ สามารถ
ส่งผลต่อแผนการลงทุนของท่าเรือ
เปลี่ยนพฤติกรรมของซัพพลายเชน
และส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจ

เหตุการณ์นี้ทำให้เราตระหนักว่า โลจิสติกส์ไม่ใช่แค่การขนย้ายสิ่งของเท่านั้น



แล้วถ้าคุณเป็นผู้บริหารท่าเรือล่ะ?
ปริมาณสินค้านำเข้าอาจลดลงจากผลของภาษี
แต่คุณก็ไม่อยากหยุดลงทุนเพื่ออนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า

นี่แหละคือ การตัดสินใจในฐานะผู้บริหาร
เป็นประเด็นที่น่าสนใจในการรับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน


บทสรุป: ยุคใหม่ที่ท่าเรือต้องตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์

ภาษีนำเข้ารถยนต์ไม่เพียงส่งผลต่อการขนส่งสินค้า แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปถึง ยุทธศาสตร์ของท่าเรือและทั้งซัพพลายเชน

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของ “การเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง”



หากคุณสนใจเรื่องราวในแวดวงโลจิสติกส์ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด