Posted on: April 7, 2025 / Last updated: April 7, 2025
ภาษีนำเข้ารถยนต์เขย่าท่าเรือสหรัฐฯ: แรงสั่นสะเทือนในโลจิสติกส์

วันนี้เราจะพาคุณไปติดตามข่าวจากท่าเรือในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้กำลังเกิด ความตึงเครียดเล็กน้อย ขึ้นในภาคโลจิสติกส์ สาเหตุหลักก็คือ “ภาษีนำเข้ารถยนต์”
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะเริ่มเก็บ ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนบางประเภทในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 เป็นต้นไป
แล้วเกิดอะไรขึ้นตามมา? แวดวงโลจิสติกส์จึงเกิดการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
CONTENTS
▶ รถยนต์ = สินค้าหลักของท่าเรือ?
ตัวอย่างเช่น ท่าเรือซีแอตเทิล-ทาโคมา ในรัฐวอชิงตัน การนำเข้ารถยนต์ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของท่าเรือ แถมยังมีการลงทุนขยายเทอร์มินัล ro/ro (Roll-on/Roll-off) มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ อยู่ในขณะนี้
ro/ro คืออะไร? คือ “สินค้าที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตนเองได้” เช่น รถยนต์หรือเครื่องจักรก่อสร้าง ซึ่งสามารถขับขึ้นและลงจากเรือได้เอง
เช่นเดียวกับ ท่าเรือบัลติมอร์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศในด้านปริมาณการจัดการรถยนต์ ในปี 2024 ท่าเรือแห่งนี้จัดการรถยนต์ไปมากกว่า 750,000 คัน โดย 85% เป็นรถนำเข้า
เรียกได้ว่า “รถยนต์เป็นหัวใจของท่าเรือ” เลยก็ว่าได้
▶ ภาษีสร้างแรงผลักดันให้เร่งขนส่ง
เมื่อมีการประกาศภาษีนำเข้า แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?
ปรากฏว่ามี เรือ ro/ro จากยุโรปที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มี เรือ ro/ro จำนวน 33 ลำเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน ถึง 5 ลำ หรือเทียบเท่ากับ รถยนต์ราว 30,000 คัน ที่พยายามเร่งเข้าท่าก่อนภาษีจะมีผล
กล่าวคือ บริษัทต่าง ๆ กำลังเร่งขนส่งก่อนที่ภาษีจะเริ่มมีผลบังคับใช้
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็วของซัพพลายเชนในโลกความเป็นจริง
▶ กลยุทธ์ระยะยาว & การบริหารความเสี่ยงของท่าเรือ
แต่ไม่ใช่ทุกท่าเรือที่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ระยะสั้น
ตัวอย่างเช่น ท่าเรือลองบีชในแคลิฟอร์เนีย แม้จะจับตาผลกระทบจากภาษี แต่ก็ยังเดินหน้าลงทุน โครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟและเทอร์มินัล
แสดงให้เห็นถึงแนวคิด “ให้ความสำคัญกับความสามารถในการแข่งขันระยะยาวมากกว่าความไม่แน่นอนระยะสั้น”
ท่าเรือก็เหมือนกับธุรกิจ ที่ต้อง ตัดสินใจโดยคำนึงถึงความไม่แน่นอน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต
▶ ถ้าคุณเป็นผู้บริหารท่าเรือ คุณจะทำอย่างไร?
การตัดสินใจทางการเมืองอย่างภาษีนี้ สามารถ ・ส่งผลต่อแผนการลงทุนของท่าเรือ ・เปลี่ยนพฤติกรรมของซัพพลายเชน ・และส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจ
เหตุการณ์นี้ทำให้เราตระหนักว่า โลจิสติกส์ไม่ใช่แค่การขนย้ายสิ่งของเท่านั้น
แล้วถ้าคุณเป็นผู้บริหารท่าเรือล่ะ? ・ปริมาณสินค้านำเข้าอาจลดลงจากผลของภาษี ・แต่คุณก็ไม่อยากหยุดลงทุนเพื่ออนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า
นี่แหละคือ การตัดสินใจในฐานะผู้บริหาร เป็นประเด็นที่น่าสนใจในการรับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน
บทสรุป: ยุคใหม่ที่ท่าเรือต้องตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์
ภาษีนำเข้ารถยนต์ไม่เพียงส่งผลต่อการขนส่งสินค้า แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปถึง ยุทธศาสตร์ของท่าเรือและทั้งซัพพลายเชน
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของ “การเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง”
หากคุณสนใจเรื่องราวในแวดวงโลจิสติกส์ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด